Posted in สัพเพเหระ

 รู้เขา รู้เรา

ขึ้นชื่อเรื่องแบบนี้ ไม่ได้จะไปออกรบที่ไหน แต่เป็นการกลับมามองตัวเอง คุยกับตัวเองบ้าง หลังจากห่างหายการอัพบล้อกไปนาน ไม่ใช่ไม่ว่าง แต่เพราะถูกจำกัดด้วยความดราม่าเอฟเฟกที่อาจเกิดขึ้นจากการอัพบล้อก จึงหยุด.

กลับมาเข้าเรื่องที่อยากแบ่งปัน เพราะเมื่อวานได้หนังสือมาเล่มนึง อ่านแล้วเห็นว่า มันใช้ประโยชน์ได้จริง อย่างน้อยก็กับตัวเองในสถานการณ์ปัจจุบัน

นักแปล  แปลมาจากหนังสือของ ปีเตอร์ เอฟ ดรักเกอร์ ปรมาจารย์ด้านการจัดการของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

เค้าบอกให้เราถามคำถามตัวเองง่ายๆ 3 ข้อ ที่จะช่วยให้เรา “รู้เรา” และบริหารจัดการตัวเองได้ดี ในชีวิตการทำงาน

ข้อแรก จุดแข็งของเรา คืออะไร

อะไรที่ทำให้งานของเราประสบความสำเร็จ อะไรที่เราทำได้ดี ถ้าเรารู้จุดแข็งและเลือกทำงานที่ได้ใช้จุดแข็งของเรา เราก็จะประสบความสำเร็จในงานนั้นๆ แต่มีอีกหลายคนที่ยังทำงานที่ไม่ตรงกับจุดแข็งของตนเอง ซึ่งก็คงทำได้ แต่อาจไม่ประสบความสำเร็จหรือมีผลงานเท่าที่ควร

ข้อสอง เราเป็นนักอ่าน นักพูด หรือนักเขียน

ตรงนี้สำคัญ เพราะจะทำให้เรารู้สไตล์การทำงานของตนเอง ของเจ้านาย ของลูกน้อง สังเกตได้ว่า นายบางคนชอบอ่านข้อมูลเยอะๆ ยิ่งเยอะ ยิ่งลึก ยิ่งดี ในขณะที่นายบางคน ชอบฟัง เล่ามาให้ตรงจุด สรุปประเด็นมาก็พอ เช่นเดียวกับการบอกงานลูกน้อง เราต้องรู้เรา และต้องรู้เขา เพื่อให้การสื่อสารนั้นมีประสิทธิภาพที่สุด ตรงใจ ตรงความต้องการที่สุด

ข้อสาม คุณค่าของเรา คืออะไร

ทุกคนมีค่าในตัวเอง แต่เราให้คุณค่าต่อสิ่งต่างๆ รอบตัวไม่เหมือนกัน บางคนให้คุณค่ากับพนักงาน บางคนให้คุณค่ากับผลงาน บางคนให้คุณค่ากับคุณภาพชีวิต ทีนี้ เราจะประสบความสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อคุณค่าของเรา ที่เรามอง ตรงกับคุณค่าขององค์กร ถ้าเรามองคุณค่าแตกต่างกับองค์กร ก็ควรที่จะปรับเปลี่ยนไปสู่องค์กรที่มองคุณค่าในลักษณะเดียวกัน เพื่อให้เราทำงานได้แบบมีคุณค่าและสบายใจ

แล้ววันนี้ คุณคุยกับตัวเองบ้างหรือยังคะ 😊

Posted in สัพเพเหระ

หลักการบริหารที่อาจส่งไปไม่ถึง

เป็นอีกเรื่องนึงที่อยากอัพบล้อกมาสักเดือนนึงได้ละ ต้องรีบบอกก่อนว่า อัพเรื่องนี้ไม่ใช่อัพสดๆ คือ เรื่องที่ดึงให้อยากอัพนี่มันเกิดมาสักพักละ ไม่ต้องเอาไปโยงกับใคร หรือบริษัทไหน…วุ้ย ปวดหัว..
เหมือนเราจะพูดเรื่องค้างคาว พอหนูได้ยิน ก็หาว่าพูดถึงหนู..พอนกได้ยิน ก็หาว่าพูดถึงนก..เอ้อ ก็นกมีหู หนูมีปีกนี่นะ คิดกันเข้าไปได้..เรื่องบางเรื่องไม่ได้ต้องเป็นการโพสต์ว่าใครที่ไหนหรอกค่ะ..สบายใจก็อ่านเนอะ ไม่สบายใจก็ไม่ต้องอ่าน..เห็นด้วยก็กดไลค์ ไม่เห็นด้วยก็ผ่านไปหรือจะคอมเม้นท์ต่างไป อุ้มก็ยินดีรับฟัง..อย่างที่บอกว่านี่มันความคิดเห็นส่วนตัว เป็นบันทึกความรู้สึก ความทรงจำ ณ ขณะหนึ่ง..บางเรื่องก็เอาไว้สอนตัวเอง บางเรื่องก็เอาไว้สอนคนอื่น..อย่าคิดมากค่ะ นกและหนูทั้งหลาย อุ้มแค่พูดถึงค้างคาว 555

เข้าเรื่องดีกว่า..วันก่อนมีโอกาสใช้บริการสายการบินโลว์คอสแห่งหนึ่ง….แหน่ะ!!..ออกตัวดังเอี้ยดดด…บอกเลย ไม่เคยทำงานกับสายการบินแห่งนี้ ดังนั้น เลิกมโน เลิกโยง เลิกสร้างสตอรี่ บัดเดี๋ยวนี้ค่ะ 5555

ที่บอกว่า การบริหารงานบางอย่างก็ส่งต่อไปไม่ถึงนั้น จะอ้างถึงสมัยเรียน ป. โท มี case study ให้ศึกษา เรื่องการบริหารสายการบิน low cost ซึ่งตอนนั้นพูดถึง Virgin Airlines ที่เป็นต้นแบบของสายการบิน low cost หลายสายในปัจจุบัน

ในเนื้อหาบอกว่า การที่จะดำเนินธุรกิจสายการบิน low cost นั้นต้องมีระเบียบวินัย อย่างเข้มงวด ต้องรัดเข็มขัดทุกกระเบียด เพื่อให้ต้นทุนในการดำเนินงานต่ำมากๆ พอที่จะทำราคาตั๋วเครื่องบินถูกมากๆ ซึ่งต้นทุนมหาศาลของสายการบิน ก็มาจากการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งนอกเหนือจากวิสัยทัศน์ที่ไกลพอ ที่จะบริหารสต๊อกน้ำมันให้มีราคาที่ต่ำ มีปริมาณพอใช้ ซื้อไว้ล่วงหน้าแล้ว จะต้องทำทุกอย่างให้เครื่องบินอยู่ในสนามบินแบบมีระยะเวลารอบินน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เสียเวลาและเผาผลาญน้ำมันไปโดยใช่เหตุ

จะเห็นว่า สายการบินเหล่านี้จะไม่เสิร์ฟ hot food และส่วนใหญ่ไม่มีขายด้วย เพราะกว่าอาหารจะมา กว่าจะลำเลียง ใช้เวลานาน..เป้าหมาย คือ พอเครื่องลงจอด รีบเอาคนลง ขยะให้มีน้อยมากๆ เก็บก่อนลง พอคนลงหมดปุ๊บ รีบเอาคนขึ้น แล้วรีบบินต่อทันที บินก็บินสั้นๆ วนไปวนมา หลายๆ รอบต่อวัน..คิดได้ง่ายๆ ประมาณนี้

ทีนี้ ก็มาพูดถึงสายการบินที่ตัวเองใช้บริการ และเกิดการดีเลย์ทั้งขาไปและขากลับ ก็สังเกตจากการทำงานของพนักงาน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นการทำให้เวลาที่เครื่องจะขึ้นบินได้นั้นช้าไปมากเลยทีเดียว

เริ่มแรก คือ มาจากการที่เที่ยวบินก่อนหน้านี้มาถึงช้าก่อน พอเอาคนเที่ยวบินเราขึ้นเครื่องครบ ก็ปรากฎว่า ไม่มีคิวขึ้นบิน ต้องรอบินอีก 15 นาที ก็เผาน้ำมันรอไป ผู้โดยสารก็รู้ชะตาชีวิตละ ว่านอกจากเครื่องจะมาถึงช้า จะขึ้นยังขึ้นไม่ได้อีกต่างหาก…อันนี้เบาๆ 555

ขากลับ เริ่มที่ check in counter เลย สมมติว่า flight เราเป็นรอบบ่าย 2 ซึ่งตอนแรกเปิดเลย 3 counters ปนๆ กันทุก flights..ทีนี้พอเวลากระชั้นเข้ามาสำหรับ flight บ่าย 2..สายการบินเลยเปิด counter ที่ 1 เป็น flight บ่าย 2 เท่านั้น ส่วน flights อื่นๆ หลังจากบ่าย 2 ให้ไป check in ที่ counter 2 และ 3

เราเองก็เข้าใจเจตนาได้ง่ายๆ เลยว่า การบริหารหน้าเคาน์เตอร์คงเปิด counter 1 เฉพาะขึ้นมาเพื่อให้ flight บ่าย 2 ที่กำลังจะตก flight นั้นได้มีเคาน์เตอร์เฉพาะ ส่วน flights อื่นๆ ที่ยังพอมีเวลา ก็ให้ไปรอคิวได้ทั้งเคาน์เตอร์ 2 และ 3 😊

แต่ในทางปฏิบัติ ปรากฎว่า มีผู้โดยสาร flight บ่าย 2 ที่กำลังจะตกเครื่อง ดันเข้าแถวผิด ไม่ได้มองป้ายว่าให้ไปเคาน์เตอร์ 1 (ซึ่งอาจจะต่อเป็นคิวที่ 4) แต่ในขณะนั้น เธอต่อเคาน์เตอร์ 2 มาจนเป็นคิวที่ 1 แล้ว!!..แปลกแต่จริง พนง.หน้าเคาน์เตอร์ 2 บอกว่า คุณมาผิดแถวแล้ว กรุณาไปต่อแถวที่ 1 ใหม่…เพื่อ??? เอิ่มม เคาน์เตอร์พิเศษนี้เค้าเปิดมาเพื่อระบาย flight บ่าย 2 ให้มันเร็วทันเวลานะ…แล้วป้าคนนี้บ่าย 2 จะตกเครื่องอยู่ละ ป้าก็ยืนจะยื่นใบจองให้ละ จะให้ป้าไปเริ่มใหม่ เพื่อ?? เราก็งงนะ….เง้อ

พอมาตอนตรวจตั๋วก่อนขึ้นเครื่อง ก็ทำอะไรแปลกๆ อีก..เคยเห็นสายการบินอื่น มีพนักงานตรวจตั๋ว 2 คน เข้าแถวได้ทีละ 2 แถว ซึ่ง พนง.ตรวจตั๋วนี้ ก็จะตรวจตั๋วและฉีกตั๋วไปเลย จบ..แต่สายการบินนี้ มาแปลกคร่า…มี 2 คนเหมือนกัน แต่ให้เข้าแถวเดียว..คือ ด่านที่ 1 พนง. คนแรก ตรวจก่อน ตรวจเสร็จไม่ฉีกตั๋ว ให้เราเดินไปเจอคนที่ 2 ที่ทำหน้าที่ฉีกอย่างเดียว…คิวมันก็ยาวสิคะ..ขั้นตอนนี้ก็นานมาก

แถมเวลาเรียกขึ้นเครื่อง แทนที่จะเรียกให้คนข้างหลังขึ้นเครื่องก่อน เพราะกว่าจะยกจะเก็บกระเป๋า จะได้ไปยืนเกะกะกันข้างในนู่น..คนข้างหน้าถัดมาจะได้ทยอยๆ เข้ามาเก็บ มันก็จะร่นระยะเวลาได้อีก…

แต่ สายการบินนี้ ให้ข้างหน้าขึ้นก่อนค่า…ก็รอไปสิ คาอยู่ตรงประตู รอจนกว่าข้างหน้า ตรงกลาง จะเก็บเสร็จ ข้างหลังถึงได้เข้าไปเก็บ เข้าไปนั่ง…ครบถ้วนกระบวนความ มีคนจะตกเครื่อง..เครื่องก็รอคร่า…คือ บางสายการบินถ้ามันดีเลย์มาก เค้าก็ต้องไปเลยนะ..อันนี้ดีเลย์มาตั้งแต่ต้นจนจบ ก็รอไปค่า..เสร็นสิ้นกระบวนการดีเลย์ไป 1 ชม. ถ้วน เวลามาตรฐานจริงๆ

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้ทราบหลักการบริหารสายการบินที่แท้จริงหรอกนะคะ เผอิญได้เคยอ่าน case study และเคยขึ้นสายการบินหลายสาย ก็เลยเปรียบเทียบให้ฟัง และก็คิดเอาเองว่า อ๋อที่มันช้าก็เพราะแบบนี้เองเนอะ..ถ้าเปลี่ยนวิธีใหม่ให้เหมือนสายการบินอื่น น่าจะเอาเครื่องขึ้นได้เร็วกว่านี้เนอะ……….เสียดายน้ำมันที่เผาผลาญไปเนอะ..แค่นั้นละคะ…จอ บอ จบ..จบนะคะผู้อ่านที่รักทุกคน 😊

Posted in สัพเพเหระ

อ่านให้เป็น เรื่องพาลูกทัวร์ไปเที่ยว

อันนี้ ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ เลยนะคะ

ความคิดเรื่องการพาลูกทัวร์ไปท่องเที่ยว ที่ไม่เข้าท่ามีอยู่ 2 แบบ

แบบที่ 1 คือ คิดว่าคนที่ได้ไป คือ ได้ไปเที่ยว…สำหรับคนที่ไปและรู้หน้าที่ของตน จะรู้ดีว่า เราไปเหนื่อย ไม่ได้ไปเที่ยว..เพราะเราต้องดูแลความเรียบร้อยทุกขณะ ต้องรักษาบรรยากาศ ต้องมีอำนาจตัดสินใจและแก้ปัญหาในสถานการณ์เฉพาะหน้า หรือสถานการณ์ฉุกเฉินได้ …ลูกทัวร์อยู่ในความรับผิดชอบของเราเต็มๆ..มาครบไหม กินอิ่มไหม นอนหลับไหม จะตีกันไหม อุบัติเหตุหรือเปล่า สารพัดจะเกิด อย่างพาไปล่องเรือ ถ้ามีมรสุมหรือฝนตก เราจะทำยังงัย..คนเป็น MC ก็คอแหบ คอแห้ง..คนเป็นตากล้อง ก็แบกกล้อง แบกป้าย..คนจะกิน ก็ต้องเติม ต้องเสิร์ฟ..คนจะถ่ายรูป ก็วิ่งไปคร้า..กลางน้ำ กลางแดดเปรี้ยง..แบกน้ำ แบกขนม แบกยา สารพัด..เรื่องไม่คาดคิด ถ้าไม่เกิดก็แล้วไป ถ้าเกิดก็ต้องจัดการได้..ถ้าคิดว่าอยากจะไป แล้วทำหน้าที่เหล่านี้ในฐานะตัวแทนบริษัทได้ ก็ควรจะไป..คนเคยไปทำงานแบบนี้ ร้อยทั้งร้อย ไม่ได้อยากไปหรอกค่ะ ☺

แบบที่ 2 คือ คิดว่าส่งน้อง ส่งคนนู้นคนนี้ไปเที่ยว ไปพักผ่อน..และคนที่ไปก็คือ ไปพักผ่อนจริงๆ..ไม่สนใจลูกทัวร์..ไปด้วยกันยังไม่สนใจกัน..ชั้นไม่สนิท บริษัทเดียวกันแล้วงัย..นอนด้วยกัน ยังไม่เรียกกัน..เอ้อ..ส่งคนมาด้วยกัน ก็ควรดูว่า เข้ากันได้ไหมเนอะ…ที่สำคัญ อย่าได้ส่ง คนรั่วๆ ประเภท เหล้า เบียร์เข้าปาก แล้วคะนอง ปากรั่ว กิริยารั่ว แบบนี้เสียภาพพจน์บริษัทเปล่าๆ…ได้พักก็ดี แต่ก็พักให้มันพอดี น่าจะดีกว่านะคะ ☺

คนเคยไป เคยทำ ถ้าไม่จำเป็นไม่ไปเด็ดขาด งานนี้จำเป็นต้องไปแทนก็ต้องไป..เช่นกัน การเลือกคนที่จะไป เราต้องมั่นใจว่า เค้าต้องดูแลลูกทัวร์ได้ระดับหนึ่ง ถ้าเค้าไม่เคย เราก็ต้องสอน แล้วต้องเปิดโอกาสให้หลายๆ คนได้ลองทำ ผลัดๆ กันไป จะได้มีตัวตายตัวแทนกันหลายๆ คน..คนทำงานเป็น เค้าต้องสอนคนมาทำแทนค่ะ ไม่ใช่ทำเองทุกเรื่อง…อุ้ยย…

ที่เขียนมา ไม่ได้มีใครว่าอะไร และไม่ได้จะว่าใครนะคะ..แต่พบเห็นมาตลอดชีวิตการทำงาน จากฝั่งคนได้ไป และคนไม่ได้ไป..

แค่อยากบอก ว่า ไปให้เป็น ไปในฐานะตัวแทนของบริษัท ไปแล้วทำให้ดี แค่นั้นก็พอ 😌

เจ้านายเก่าเคยสอนเราแบบเข้มๆ…You are the Company’s representative person, so make sure u do & say things right…เวลาให้ไปงานไหนแทน แทบจะกราบ ขอไม่ไปได้ไหมคะ
นู๋เครียดด 5555…พอแก่ตัวมา เลยต้องมากดดันน้องๆ ตัวเองต่อ ก็มันจริงนะที่เค้าสอนมา 😀

Posted in สัพเพเหระ

ความฝันของบันจี้ ฮาหนักมาก

บันจี้หอบหิ้วกระเป๋าเดินทาง 2 ใบอย่างทุลักทุเล ในขณะที่แองจี้ ผู้ช่วยคนเก่ง เดินถือกระเป๋าใบน้อยเดินตัวปลิวสวยๆ อยู่ข้างๆ

ทั้ง 2 คนกำลังมุ่งหน้าเดินจะไปขึ้นเครื่องบินของสายการบินอาหรับแห่งหนึ่ง (หลอนที่ 1)..ด้วยมาตรการความปลอดภัยบางอย่างของสายการบิน เจ้าหน้าที่ยื่นเอกสารใบน้อย มาให้ผู้โดยสารทุกคนกรอก…ส่วนหนึ่งของเอกสาร ให้กรอกที่มาของรายได้

บันจี้คิดในใจ “ให้ที่มานิดเดียวจะกรอกพอได้ยังงัย” เอิ่ม ไม่ใช่รายได้เยอะ แต่ในความฝัน บันจี้ดันกรอกรายชื่อ Partner 18 ราย ซึ่ง 1 ในนั้น คือสายการบินแห่งนี้ที่กำลังจะใช้บริการก่อนจะขึ้นเครื่อง (หลอนที่ 2)

พอขึ้นเครื่องคาด seatbelt เรียบร้อย พลันชุดของ 2 สาวก็กลายเป็นชุดนักท่องเที่ยวประหนึ่งจะเดินทางไปฮาวาย 5555 มีแว่นกันแดด หมวกพร้อม (อารายฟะ…หรือชั้นอยากพักผ่อน)

เครื่องขึ้นไปสักพัก จู่ๆ กัปตันก็ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และเอาเครื่องลงจอดที่เกาะแห่งหนึ่ง หน้าตาเหมือนเกาะในหนัง Angry Bird
(อีบร้า…นี่มันมาจาก ก่อนเข้านอน เล่นของเล่น Angry bird ชัดๆ..ไหวไหมๆ 555…หลอนที่ 3)

เราลงไปร้อน แกร่วรอ บนเกาะนานมาก ผ่านไปสัก 5 ชั่วโมงได้ บันจี้เริ่มงุ่นง่าน เดินไปเดินมา
จนกระทั่งสายการบินประกาศให้ทุกคนขึ้นเครื่องได้ คิดว่า น่าจะพร้อมเดินทางต่อ

แองจี้เดินขึ้นเครื่องไปแล้ว แต่พอบันจี้จะเดินผ่าน กัปตัน 2 คน (น่าน…มาจากบทสนทนากับ partner สายการบินอีกแห่งเมื่อวานนี้เรื่องปริมาณกัปตัน..หลอนที่ 4) กัปตันทั้ง 2 กักตัวบันจี้ไว้ และมาสอบประวัตินานมว๊ากกกกก

เวลางวดเข้ามา บันจี้เริ่มโมโห ระเบิดอารมณ์ใส่กัปตันทั้ง 2 คนว่า “นี่พวกแกจะกักตัวชั้นอีกนานไหม นี่มันจะ 6 ชั่วโมงแล้วนะ แกรู้ไหม ถ้า delay ครบ 6 ชม. แล้วแกบอกเกิดจากปัญหาเครื่องยนต์ บริษัทชั้นต้องจ่ายเคลมจำนวนเท่าไหร่??” (ป้าดดดด….นี่มันมาจาก เม้นท์กับพี่เหมียว head of claim TA ผ่าน เฟสบุ้ค เรื่องนัดกินเหล้าชัดๆ…หลอนที่ 5)

อีกัปตัน 2 คนหน้าตาแขกมาก หัวเราะเสียงดัง ก่อนหยิบนามบัตร โลโก้ Southeast Ins ออกมา (หลอนที่ 6..หนึ่งในน้องที่กดไลค์เฟสเมื่อคืน มาจาก Southeast… พี่เอามานัวด้วยได้งัย..หุ้ย)
แล้วกัปตันก็บอกว่า “ในที่สุดแกก็รู้..เพราะ 1 ใน partner ที่แกทำ คือ สายการบินแห่งนี้ ซึ่งพวกช้าน..อินี้..กำลังตกลงจะทำประกันกับ Southeast..แต่พวกแกมาจากไหนนน…มาเอางานนี้ไป”

กรีส นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย 5555

จังหวะนั้น ผู้โดยสารทุกคน หอบหิ้วสัมภาระ และสไลด์ตัวลงมาทางประตูฉุกเฉิน พร้อมเสียงอันดังของกัปตัน “5555 ในที่สุดก็ครบ 6 ชั่วโมง…สายการบินจะเสียชื่อ..แกจะต้องจ่ายเคลม และสุดท้าย Southeast ก็จะได้งาน..ส่วนพวกช้าน ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น 555555 (หลอนที่ 7)

พี่ควรไปพบจิตแพทย์มะ 55555555 เป็นเอามาก

Posted in สัพเพเหระ

แม่ทัพ

image

วันนี้มีอารมณ์อยากอัพบล้อก จัดไปรัวๆ

ขึ้นต้นด้วยชื่อเรื่อง แม่ทัพ เผอิญนึกถึงตอนที่เคยอบรมหลักสูตร Leadership ที่บริษัทเก่า
ตอนนั้นวิทยากรให้บอกว่า Leadership style ที่เราชื่นชอบ คือใคร เราตอบไปว่า มู่หลาน 🙂

ชอบมู่หลาน ที่มีความกล้าหาญ เสียสละ มุ่งมั่น รักชาติ รักครอบครัว รักลูกน้อง แต่ไม่รักตัวกลัวตาย

ตอนตอบครั้งแรก คงมีคนคิดว่า อีนี่ติดละคร? 555

แล้วก็ให้นึกถึง สถานะของแม่ทัพ ยังไม่ต้องเป็นจอมทัพหรอก ในที่นี้ เป็นเพียงแม่ทัพ ที่รับคำสั่งจากจอมทัพมา ให้บุกไปรบในแคว้นต่างๆ

การรบมีทั้งแบบรุกและตั้งรับ กองทัพฝ่ายรุก ถูกฝึกปรือวิทยายุทธเข้มแข็งระดับหนึ่ง พอจะนำทางคนในกองทัพให้บุกตะลุยไปได้ ครั้นพอถึงตอนรุ่งสาง แม่ทัพเรียกชุมนุมกองทหาร ประกาศกร้าว นี่คือ ดินแดนที่เราจะไปพิชิต ทัพหน้าวางยุทธศาสตร์การรบ แผนที่การเดินรบ กองกลางเตรียมเสบียงพร้อม อาวุธครบมือ กองหลังปิดช่องโหว่ สอดส่องดูแล ล้วนแล้วร่วมมือเกื้อหนุนกัน

กองทัพฝ่ายรับ เวลามีข้าศึกโจมตี บ่อยครั้งขาดการสาดส่องดูแล โดนตีไม่รู้ตัว หรือแม้บางครั้งรู้ระแคะระคาย แต่ประมาท ทำให้เพลี่ยงพล้ำหลายครั้ง แม่ทัพแม้จะสู้สุดฝีมือ ก็มีเพลี่ยงพล้ำบาดเจ็บ แต่ไม่เคยย่อท้อ เฝ้าคิดหาวิธีป้องกันกองทัพฝ่ายรับของตน แต่วิธีใดเล่า จะเท่ากับความร่วมมือกันของกองทัพนั้น

ในฐานะแม่ทัพ ใจหนึ่งก็ห่วงกองทัพฝ่ายรุก แต่ใจพะวงกองทัพฝ่ายรับมากกว่า ตัดใจละทิ้งภารกิจฝ่ายรุก เพื่อมาเฝ้าทับหลัง ในกองทัพนั้น มีคนเจ็บ คนชรา เดินได้ไม่แข็งแรง ก็ต้องหันกลับไปพยุง อีกส่วนหนึ่ง เป็นเด็กและสตรี ที่ไม่รู้วิทยายุทธ รบยังไม่เป็นกระบวนท่า แต่มีใจฮึกเหิม แม่ทัพก็ต้องเจียดเวลาไปสอน  อย่างน้อยเพื่อป้องกันตนเอง และเพื่อช่วยดูแลคนเจ็บ คนชราได้บ้าง

วันเวลาผ่านไป แม่ทัพสลับตำแหน่ง ควบม้าขึ้นลง ทัพหน้า ทัพหลัง ทั้งพยุง ทั้งสอนสั่ง ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อนำทัพให้ได้ชัยชนะ และให้ทัพนั้นปลอดภัยร่มเย็น

คำถาม ถามว่า หากในการนำทัพนั้น มีไพร่พลที่พาให้แม่ทัพหลงทาง ด้วยความไม่รู้ ด้วยเจตนา ไม่อาจรู้ได้ แม่ทัพควรให้อภัย และมุ่งหน้านำทัพต่อไป ใช่อยู่หรือ

หากการให้ข้อมูลเส้นทางที่ผิดพลาด ปกปิด ละเลยข่าวสารการรบที่สำคัญ เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทัพอย่างใหญ่หลวง แม่ทัพต้องเดินหน้ารับผิดแทนโดยหน้าที่แม่ทัพนั้น ใช่อยู่หรือ

ในยามรบ ทัพหน้าต้องการแม่ทัพ คนเจ็บ คนชราต้องการแม่ทัพ เด็กและสตรีต้องการแม่ทัพ ปุถุชนธรรมดาไม่คว้าอาวุธต่อสู้ สับหลีกข้อมูล ด้วยเจตนาบริสุทธิ์หรือสุดแล้วแต่นั้น

แม่ทัพควรทำอย่างไร ให้ร่วมทัพแบบระแวดระวังทิ้งไว้กลางทาง จองจำไว้แล้วลากตรวนไป หรือฆ่าทิ้งเสีย ล้วนยากต่อการตัดสินใจ

หากท่านเป็นแม่ทัพนั้น ท่านจะทำอย่างไร และหากท่านเป็นปุถุชนนั้น ท่านจะเลือกทำอย่างไรต่อไป น่าคิดไหม

Posted in สัพเพเหระ

Banji!

ของขวัญวันเกิดชิ้นแรกปีนี้ จริงๆ เจ้านี่เลย..บันจี้!
สีส้ม ที่น้องเอิร์ธไปหนีบมาจากตู้หนีบตุ๊กตา แล้วเอามาให้แม่ก่อนเข้านอนเมื่อคืน

เมื่อคืนนี้ ขึ้นเตียงปุ๊บ เอิร์ธถามว่า “ผมแฮปปี้เบิร์ดเดย์แม่ก่อนได้ไหมครับ พรุ่งนี้ผมไปสอบ” แล้วก็ให้ตุ๊กตากระต่ายสีส้ม บอกว่า “ผมหนีบมาให้แม่ครับ”…อร้ายยย

พอถามว่า ชื่ออะไรดี น้องเอิร์ธบอกว่า “แล้วแต่แม่เลยครับ วันเกิดแม่ แม่ตั้งเลย” 🙂

แม่เลยบอกว่า ชื่อ บันจี้ละกัน แม่ชอบเรียกตัวเองว่า บันจี้!

พอเช้ามา พ่อปลุกอุ้มเอิร์ธขึ้นบ่า แล้วบอกให้เอิร์ธแฮปปี้เบิร์ดเดย์แม่ก่อนครับ..เงียบ..พ่อพูดย้ำ..
เอิร์ธแอบยักคิ้วแล้วยิ้มหวาน ประหนึ่งจะบอกแม่ว่า..”เรารู้กันนะ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ไปละตั้งแต่เมื่อคืน..จุ้บบ”

image

Posted in สัพเพเหระ

ตัวตนที่ว่างเปล่า

นานแค่ไหนแล้ว ที่พื้นที่ส่วนตัว อารมณ์ ความคิด ไม่ได้ปลดปล่อยอย่างที่ใจอยาก

บล้อกที่ต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนจะเขียน..เฟสที่ต้องกรองความรู้สึกและคนอ่าน..เพื่อนที่ทำงาน ที่ไม่ใช่มิตร

มีคนเพียงกี่คน ที่เราคุยได้อย่างที่ใจอยาก บอกได้อย่างที่ใจคิด

มีคนกี่คน ที่คอยเป็นไหล่ที่พักพิง เป็นเสียงหัวเราะที่ดังลั่นทุ่ง เป็นสายตาที่บอกเราว่า ไม่ต้องพูดหรอก ชั้นเข้าใจ 🙂

มองไปที่กำแพง..มีเพียงกรอบที่ว่างเปล่า..กรอบของสถานะ ที่บอกว่าสวยงาม..กรอบที่เรียงเป็นลำดับชั้นอย่างลงตัว..

สวย..แต่ว่างปล่าว ไร้ซึ่งตัวตน

image

Posted in สัพเพเหระ

งานบริการ..เฮ้อ

เขียนในฐานะผู้ใช้บริการคนหนึ่ง เป็นคนที่ซื้อคอร์สทำนู่นทำนี่ ทำหน้า ทำตัว ทำเล็บ นวด ทำผม ออกกำลังกาย เยอะนะ..ในช่วงเวลาหนึ่งอย่างน้อยต้องมี 3-4 คอร์สพร้อมๆ กัน

คอร์สพวกนี้ เป็นงานบริการ ซึ่งคนทำงานที่นี่ ก็จะถูกสอนมาล่ะว่า ต้องบริการดีๆ พูดเพราะๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส..บางทีก็อวยเยอะ อวยจนรำคาญ เป็นพวกไม่ชอบให้มาอวย ไม่ต้องมาชวนคุยเยอะก็ได้ อยากพักผ่อน ไม่ได้อยากมาคุย..ยกเว้น บางทีอยากคุยก็จะคุยเอง แต่พวกที่แบบมาเซ้าซี้ชวนคุย ในวันที่ไม่อยากคุยก็นะ ..เฮ้อ

บางที่อยู่ไกลมาก แต่หาที่อื่นไม่ได้ ไม่มี ก็ต้องถ่อไปนะ นานๆ ครั้ง..

แล้วที่สำคัญ เป็นคนนัดล่วงหน้าไม่ค่อยได้ ซึ่งคนทำงานคงไม่ชอบ แต่นัดแล้วไม่ค่อยได้ไปตามนัด..แต่จะบอกไปเลยตั้งแต่ตอนซื้อคอร์สว่า ไม่นัดล่วงหน้านะคะ ถ้าว่างจะมา มาแล้วไม่มีคิว ก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องนัด ไม่ต้องตามค่ะ..ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจ..บางที่พอเราไปใช้บริการ จะเดินออก มีคนจะมาทำนัด..จะมีคนที่รู้ใจบอกเลยว่า ไม่ต้องนัดค่ะ เดี๋ยวพี่เค้ามาเอง 😁

แต่บางที่ เคยให้บริการดีมาตลอด จนต่อคอร์สไปแล้วหลายปี อยู่ดีๆ วันนึงพนักงานพูดจาไม่ดี ทำหน้ากวนตีนใส่ ก็ทิ้งคอร์สไม่ไปอีกเลยนะคะ

เชื่อว่า หลายคนคงเป็นเหมือนกัน..ที่อยากบอก คนทำงานบริการ คือ นอกจากจะให้บริการที่ดีเวลาลูกค้ามาใช้บริการ ต้องใส่ใจด้วยว่าลูกค้าเป็นคนยังไง อะไรชอบไม่ชอบ บางอย่างแสดงออกว่าไม่ชอบ ก็ยังทำอยู่นั่น คืออะไร งง 5555

แล้วต้องรู้ด้วยนะคะว่า บริการของตัวเองนั้น มีทดแทนได้ไหม ที่ที่ใกล้ ไปสะดวก ราคาถูกกว่า บริการดีกว่า มีคู่แข่งไหม ไม่ใช่มีของเราคนเดียว

แล้วบริการพวกนี้ เป็นของฟุ่มเฟือยค่ะ ต้องมีเหลือ ไม่ใช่ของจำเป็น ดังนั้น ในบางครั้งถ้ามีสิ่งอื่นที่จำเป็นกว่า ลูกค้าก็เลือกสิ่งนั้นค่ะ

แล้วไม่ต้องจิกค่ะ อย่าจิก บางคนจิกยิ่งกว่า เราเป็นลูกหนี้ อย่าทำให้ลูกค้าอึดอัด จนเค้าไม่สบายใจที่จะใช้บริการเราอีกต่อไปค่ะ

image

Posted in สัพเพเหระ

I m a lucky person 😙

image

เขียนสดุดีบริษัทต่างชาติที่ได้เคยทำงานด้วยมา 2 วัน เดี๋ยวจะหาว่า ไม่รักบริษัทไทยๆ :mrgreen:

ถ้าคนที่เป็น FC blog จะเคยได้อ่าน blog ร่ำลา KPI เขียนยาวประมาณ 3 blogs เดินกอดเพื่อน พี่ น้อง ในบริษัทหลายวันกว่าจะครบ ถ้านับที่ทำงานที่มีความรักใคร่ ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน อันดับ 1 ต้องยกให้ที่นี่เลย เพื่อนสนิทที่สุดก๊วนใหญ่ก็อยู่ที่นี่ น้องสนิทที่สุดก็อยู่ที่นี่ มีความเข้าใจ เห็นอกเห็นใจกันมาก แบบที่เราสบายใจมากพอที่จะแบ่งปันความทุกข์ ความสุขได้ โดยไม่ต้องระแวง ระวัง
ที่ๆ ทุกครั้งที่ทุกข์ เราจะมีคนหลายคนให้สติ และกำลังใจ

กลับมาเมืองไทยรอบนี้ หลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไป แม้จะมาอยู่แค่ 2-3 เดือน เราก็รับรู้การต้อนรับที่อบอุ่นจากเพื่อนเก่ามากมายหลายคน ที่นี่มีทั้งยศ ทั้งตำแหน่ง ที่แตกต่างกันหลายขั้น หลายระดับมาก แต่เราไม่เอาสิ่งเหล่านั้นมาขวางกั้นมิตรภาพดีๆ ที่เคยมีให้กัน เพื่อน พี่ หลายคนขึ้นมามีตำแหน่งสูงๆ เพื่อน พี่ อีกหลายคน ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้เพิ่มระดับ หลายคนเป็นผู้ชำนาญการ แ
image

ต่ไม่สำคัญเท่าใจที่เคยมีให้กัน…เวลามีคนถามว่า คนนั้นใครอ่ะพี่อุ้ม เรามักจะตอบบ่อยๆ ว่า เพื่อนพี่ แล้วก็ยิ้ม :mrgreen: มีความสุขนะ ที่ได้เจอเพื่อนเก่า และที่สำคัญ งานเราเดินได้ดี อย่างเหลือเชื่อ เพราะคนมีใจที่จะช่วย

จะว่าไปแล้ว เรานี่นับว่าโชคดีมากๆ คนหนึ่งเลย ที่ตลอดชีวิตการทำงานมีแต่คนอุปถัมภ์ ทั้งนาย ทั้งเพื่อน ทั้งน้อง..โชคดีจริงๆ

แม้จะมีอุปสรรคบ้าง เจอเรื่องแย่ๆ บ้าง แต่โดยรวมถือว่า ดีมากๆ ต้องขอบคุณทุกคนทั้งที่ผ่านมา และที่ยังอยู่ร่วมกันในปัจจุบัน

เช้านี้ เป็นอีกวันที่อิ่มใจ 😄

Posted in สัพเพเหระ

Times Fly

ตอนที่นั่งรถแทกซี่ในกัวลาลัมเปอร์ ผ่านตึก Allianz สูงใหญ่ มองมาที่เกาะกลางถนน มีป้ายไฟของ Tune Insurance เรียงรายตลอดทาง..รู้สึกคิดถึง คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ได้ทำงานกับทั้ง 2 บริษัทนี้ ได้เรียนรู้เยอะมาก ได้ทำในสิ่งที่ท้าทาย ที่ไม่เคยทำ..สิ่งที่ได้มากที่สุดจากทั้ง 2 บริษัทนี้ คือ โอกาส ความไว้วางใจ และมิตรภาพดีๆ จากเพื่อนร่วมงานอีกมากมายหลายคน

หลายครั้ง ความผูกพัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่อยู่ร่วมกัน..ชั้นดีใจที่เคยมีเธอในวันนั้น และยังมีเธอในใจชั้นเสมอ..

When the taxi I took in KL, passed by the huge tall building of Allianz. I looked at the rear side of the road seeing the Tune Insurance light boards along the road…I felt very  much missing. I missed the great time working with these 2 companies. I learnt a lot, doing what I have never been done and it was very challenging…what I got the most from these 2 companies are OPPORTUNITIES, TRUST and very good RELATIONSHIPS from my ex-colleagues…

In many occasions, bonding is not from the range of period that spend together…I’m glad I had you guys at that time..and you will always be in my heart.