ในมุมมองของเจ้านายบอกว่า หากเราต้องการที่จะโตในธุรกิจนี้ เราต้องทำเป็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานหน้าบ้าน (การตลาด) หรือว่าจะเป็นหลังบ้าน (underwriter)และพิเศษไปกว่านั้น คือ การบริหาร portfolio ของบริษัท(reinsurance) พ่วงท้ายด้วยความรอบรู้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ(product development) จึงเป็นที่มาของการดูมันหมดซะทุกอย่าง เกี่ยวมันหมดกะทุกคน จะเป็นงาน conventional หรืองานnon-conventional ก็ดูเหมือนเราจะมีเอี่ยวไปด้วยซะทั้งหมด
เราก็ยังคงยืนยันว่ามันไม่เวิร์ก ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่มันทำได้ไม่ดีเท่าที่เราคาดหวัง
หลายครั้งที่นัดลูกค้าไว้ แล้วสรุปไปไม่ได้เพราะมีนัดกับรีอินชัวเรอส์เข้ามา และโจทย์ที่ได้มาคือ ต้องเข้าประชุมกับรีอินชัวเรอส์ทุกครั้ง ขาดไม่ได้ แล้วเดี๋ยวนี้มากันบ่อยมากก ทั้งที่มาเยี่ยมตามปกติไตรมาสละครั้ง กับมาคุยอัพเดตเรื่องเคลมน้ำท่วมเดือนเว้นเดือน มีคนออกจากบริษัทประกันไปเปิดโบรคเกอร์ ทั้งรีอินชัวเรอส์เจ้าใหม่ๆที่อยากเข้ามาของาน เวลาก็หมดไปแล้วไหนจะต้องเกี่ยวกับประชุมเคลม ประชุมอันเดอไรท์ งานที่เกี่ยวกับ คปภ. ที่ขยันจะออกนู่นออกนี่มาตลอด จนไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปหาลูกค้า ที่บ่นเนี่ยะไม่ใช่ว่า จะบอกว่าเราเฟลเรื่องการตลาดนะ เป้าก็ยังได้อยู่ แต่มันอึดอัดว่า ถ้าได้ทำมันจริงๆจังๆมันก็คงจะดีกว่านี้ ทั้งๆที่เรารู้สึกสนุกกับงานการตลาดมากกว่างานอันเดอไรท์ก็ตาม แต่สุดท้ายเราก็เลือกที่จะทำงานอันเดอไรท์
เพราะถ้าโจทย์มันบอกว่า ไม่ว่าเราจะเลือกอะไร งานรีอินชัวรันส์กับพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็จะต้องตามไปด้วย! แล้วเราก็นั่งยันนอนยันว่าไอ้งานที่ว่าเนี่ยะมันไม่ควรจะมาอยู่กับฝ่ายการตลาดตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แค่ต้องอธิบายงานที่รับผิดชอบให้รีอินชัวเรอส์ฟังกะอธิบายลูกค้าก็งงจะตายชักอยู่แล้ว เคยมีบริษัทอื่นที่อยากให้เราร่วมงานด้วย บอกให้ช่วยเลือกหน่อยได้มั๊ยว่าอยากทำอะไร เพราะที่ทำหลายๆอย่างแบบนี้มันไม่มี ฮิ้ว
พอถึงคราวที่โอกาสมันมาให้จัดระเบียบได้ เราก็ควรจัดให้งานที่มันควรจะอยู่ด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกัน ดีกว่าที่จะให้มันลูกผีลูกคนอยู่แบบนี้
ตอนที่นายบอกให้เลือก อารมณ์แบบที่ “ชอบ” กะที่ “ใช่” มันบังเกิดขึ้นมาเลย และแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานที่ชอบแต่เราก็จะได้ทำงานที่ใช่ในที่สุด
คอยดูนะ เราจะเปลี่ยนมันให้สนุกและมีเสน่ห์ไม่แพ้ที่เราชอบเลย และถึงตอนนั้น เราก็อาจจะกลับไปรักมันอีกครั้งก็ได้ 😉