Posted in สัพเพเหระ

อุลตร้าแมน เดอะมูฟวี่

นอนพังพาบอัพบล๊อก ในขณะที่น้องเอิร์ธกำลังดูแผ่นอุลตร้าแมน คาดว่าน่าจะเป็นแผ่นที่เกือบร้อยแล้ว ตั้งแต่ขึ้น อ. 3 ดูเอิร์ธจะชื่นชอบมากๆ กับหนังอุลตร้าแมน ซึ่งแม่ก็เพิ่งรู้ว่ามันมีหลายตัว หลายเวอร์ชั่นมาก

แต่มีอยู่ตัวหนึ่งที่แม่เห็นแล้วขำ เป็นอุลตร้าแมนตัวแม่ รึที่เรียกว่า อุลตร้าแมนควีน มันหน้าเหมือนอุลตร้าแมนเลย แต่มันไว้ผมแกละออกมา 2 ข้าง ตลกสุดๆ

เวลาเอิร์ธถามว่า คุณพ่อ คุณแม่จะเป็นตัวไหน พ่อเค้าจะสามารถตอบ เป็นตัวๆ เรียกชื่อได้ แต่แม่จะบอกแค่ว่า แม่คงต้องเป็นตัวผมแกละ อ่ะ 555

นอกเหนือจากแผ่นที่มีเยอะแล้ว เอิร์ธยังมีหุ่นอุลตร้าแมนอีก 2-3 ตัว ปนกับสัตว์ประหลาดอีก 4-5 ตัว คือ มันต้องสู้กันง่ะ ก็เลยต้องมีทั้งอุลตร้าแมนและสัตว์ประหลาด ตัวสัตว์ประหลาดแต่ละตัวก็หน้าตาน่าเกลี๊ยด
น่าเกลียด แต่แม่ก็ต้องเล่นเป็นสัตว์ประหลาด
สู้กับเอิร์ธหลายๆ ครั้ง

แต่ที่มีเยอะก็ต้องนี่เลย วันก่อนพ่อไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ไปเจอกับบรรดาหุ่นอุลตร้าแมน ไม่รู้ว่าของมือสอง รึของจีนแดง แต่ราคาถูกกว่าในห้างเกินครึ่ง พ่อเราก็ยั้งไม่เคยอยู่ เหมามันไปทั้งหมดเลย เอิร์ธเลยดีใจสุดๆ

แต่ที่เขียนมานี่ เพราะว่าได้นั่งดูหนังกะเอิร์ธอย่างตั้งใจประมาณ 5 นาที เป็นตอนที่พระเอกซึ่งเป็นหนุ่มบ้านๆ ขี่จักรยานผ่านคนแถวบ้านเพื่อไปทำงานตอนเช้า ระหว่างที่ขี่จักรยานผ่านไป เพื่อนบ้านแต่ละคนก็ตะโกนให้กำลังใจ “พยายามเข้านะ”…”สู้ สู้ นะ”…”อย่ายอมแพ้นะ”…”สู้ต่อไปนะ”…”ก้าวต่อไปนะ”…”อดทนหน่อยนะ”…

ก็เลย เข้าใจคนญี่ปุ่นที่เค้าให้กำลังใจ ไม่ย่อท้อง่ายๆ เพราะเค้าปลูกฝังกันไว้ทุกรุ่นทุกวัยกันแบบนี้ เค้ามีคำพูดประจำชาติ อย่างถ้าใครกลับบ้านมา ก็ต้องทัก “กลับมาแล้วเหรอค้า”..

ในขณะที่การ์ตูนไทย ทำยังไงก็นึกไม่ออก จำได้แต่น้าผี ที่เป็นโครงกระดูก
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง แต่จำสาระไม่ได้ละ ว่าน้าผีโผล่มาทำไม 555

นอกนั้นก็เป็นพวกละครพื้นบ้านไทยที่ดูตอนเช้าๆ แต่ส่วนใหญ่ก็เนื้อเรื่องหลากหลาย เน้นการตกระกำลำบาก มียักษ์ มีพระมเหสีใจร้าย อะไรประมาณนี้ ไม่ค่อยได้รัยเลยอ่ะ..เอ รึว่าเราไม่ได้ตั้งใจดูแว๊..

อีกเรื่องที่เอิร์ธกำลังดูหนักๆ คือ เรื่องมาส์กไรเดอร์ ที่มีคอนเซปต์ เรื่องของการรักษาสัญญาข้ามชาติ 555 น้องเอิร์ธจะถามพ่อกับแม่ว่า “บอกความต้องการของนายมา” พอเราบอกความต้องการไป
imagin เอิร์ธ ก็จะรักษาสัญญา และทำให้ความต้องการของเราเป็นจริง เพื่อจะได้สิงร่างเราในอดีตไปอาละวาดต่อไป ก็ขำๆดีนะ และมันมีหลายตัวมว๊าก เดลทารอส คิงทารอส อุราทารอส โมโมทารอส เนเนะ เทดดี้..ปวดศรีษะ! มีแต่พ่อเท่านั้นที่คุยกะลูกรู้เรื่อง

แต่แม่ก็เอาเรื่องความอดทน สู้ไม่ถอย รักษาสัญญาไปสอนลูกได้

จะเห็นมีที่ลูกได้จากละครหลังข่าว ก็เรื่อง “ยมภบาลเจ้าขา” ที่ทุกครั้งที่ลูกโกรธหรืองอนใคร ก็จะพนมมือขึ้น และเรียกให้ “ยมภบาลมาช่วยเอาพ่อกะแม่ไปที”…ครั้งล่าสุด ไปเตะฟุตบอลกับเด็กที่มาสอบเข้า ป. 1 ด้วยกัน เล่นกันไปเล่นกันมา ไม่รู้ว่า เกิดรัยขึ้น น้องเอิร์ธร้องไห้กลางสนาม

พนมมือเรียก ยมภบาล มาจัดการ ท่ามกลางสายตาตกใจของเพื่อนๆ ! 555

(หมายเหตุ รูปนี่ไม่ได้สู้กัน แต่จับมือกัน ถ่ายรูป
ชู 3 นิ้ว เอิ้กๆ)

image

Posted in สัพเพเหระ

เมื่อคุณมองมุมสวย คุณก็สวย

วันก่อนได้ไปคุยงานกับนายใหม่ คุยกันหลายเรื่องสืบเนื่องจาก 2 โปรเจกท์ที่เรารับผิดชอบอยู่

ไม่รู้ว่าใครรู้สึกกับพี่เค้ายังไง เพราะเห็นคนเกรงกันไปหมด แต่วันนี้พอมีโอกาสคุยเรื่องคนในหลายๆ หน่วยงานที่เราสัมพันธ์ด้วย ต้องบอกว่าพี่เค้าสวยอ่ะ ใจสวย…

เราพูดถึง ผอฝ. ฝ่ายสินไหมรถยนต์ที่ลาออก และจะต้องหาคนมาเป็นลีด ในการดำเนินการตาม action plans และต้องกำหนด KPIs วัด พร้อมเสนอ claims recovery strategies พี่เค้าบอกว่า ลูกทีมรองลงมามีหลายคน มีความสามารถและชำนาญในงานที่รับผิดชอบ แต่เป็นไซโลหลายๆใบ ที่ต้องนำมารวมกันนะ เป็น duer ที่ดี ที่มอบหมายอะไรก็ทำได้อย่างดียิ่ง แต่จะไม่สามารถตอบโจทย์ที่เราขาด ซึ่งเราจะต้องนำมาเติมทีมให้…

ฟังแล้วรู้สึกดีแทนลูกทีมเหล่านั้น..และเค้าก็คงไม่ได้รับทราบว่า นายมองเค้าด้วยมุมนี้

พอพูดถึงฝ่ายรับประกันภัยรถยนต์ ที่ ผชฝ.ลาออกไปก่อนหน้านี้ และ ผชฝ.อีกคนกำลังจะเกษียนในปีนี้ ว่าใครจะมาดูแลงานต่อ พี่เค้าบอกว่า คุณพี่ที่จะเกษียนนั้น เคยเป็นมือหลักของบริษัท แต่เมื่อเวลาผ่านไป พี่ก็เข้าใจ ว่าวัยวุฒิและยุคสมัยที่ต่างไป ก็ทำให้ไม่มีผลงานเท่าที่ควร แต่พี่ก็เข้าใจนะ..

พร้อมให้กำลังใจว่า มันขลุกขลักหน่อยนะช่วงนี้ อย่าเพิ่งถอดใจ..ไม่ถอดใจหรอกคะ งานยังเดินไปได้ด้วยดี…

กลับยิ่งรู้สึกประทับใจในตัวพี่เค้า ที่แม้บุคลิกภายนอกจะดูแข็ง ดูแมน ใจร้อน ใจเร็ว แต่กลับมีมุมมองต่อทีมงานที่ดีมาก

เคยแต่ได้ยินการประเมินค่าของคน ที่ผลงาน ที่ต้องทำให้ได้เต็มประสิทธิภาพ และใครทำไม่ได้ ทำไม่ดี สปีดตก ก็เป็นเหมือนภาระของสังคม หากไม่ถูกทอดทิ้ง หลงลืม ก็ต้องถูกกดดัน..

เห็นความต่างก็เรื่องนี้..จะเก็บไว้เป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ จริงคะ ทุกคนมีมุมที่ดีของเค้าเสมอ เราต้องดึงด้านดีของคนเหล่านั้นขึ้นมาก่อนข้อจำกัด..ขอบคุณค่ะ ^^

image

Posted in เรื่องเล่าจากที่ทำงาน

ความพอเพียง กับความเพียงพอ

image

เขียนบล๊อกนี้บนความไม่เข้าใจของหลายๆ เหตุการณ์ ไม่เข้าใจว่าทำไมสวัสดิการพนักงาน มันถึงเป็นอะไรที่คลอดไม่ได้ซะที ทั้งๆที่ก็ดูเหมือนจะไฟนัลๆ กันแล้ว ไม่เข้าใจว่าการดูแลหรือเอาใจใส่มันต้องไปที่ปัจจัย 4 ของคนที่ทำงานให้กับเรา หรือต้องไปที่ชุด ที่โต๊ะหรือสันแฟ้มมากกว่ากัน ไม่เข้าใจอ่ะ!

ว่าไป ก็รู้สึกโชคดี ที่ตัวเองมาอยู่ในจุดที่ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรมาก เพราะมันไม่มีอะไรให้ไม่เข้าใจ ?x!@? เขียนเองเริ่มงงเอง ที่นี่ ทำอะไรให้พนักงานเหมือนไม่ได้ทำ คือ ทำเลย! ไม่ต้องมีพิธีเปิด พิธีแจ้ง ว่าทำรัยให้พนักงาน

มุมล้างจาน ก็รกรุงรัง ใครอยากจะวางแก้ว วางชาม ล้างจาน อุ่นกับข้าว มีตู้เย็น ไมโครเวฟ ให้หลายจุด มีกาแฟ โอวัลติน ชา ให้ชงเอาเอง ห้องประชุมก็ไม่เสิร์ฟน้ำ ใครอยากกินก็เทเอาเอง ชงเอาเอง ทุกระดับ ประทับใจ รึเรียกว่า ไม่มีระดับมากกว่า ก็เป็นเพื่อนพนักงานเหมือนๆกัน

ใครคิดยังไง ก็พูดออกมาเลย ไม่ต้องคอยมองสัญญาน
อนุญาติให้พูด ถ้ามีมารยาทมากหน่อยอย่างเรา ก็พูดไม่ค่อยทัน เพราะมัวแต่รอจังหวะ ครั้งก่อนยกมือค้าง รอจะพูด ได้พูดอีกทีตอนจะปิดประชุม อันนี้ตาดีได้ตาร้ายเสีย 5555 แต่เราเป็นคนปรับตัวเร็ว ตอนนี้แทรกได้หลายจังหวะละ

ดีนะ ทุกคนรับผิดชอบในหน้าที่ ในเวลางานทำกันเต็มที่ ไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไช เพราะงานมันเยอะ คนมันน้อยมาก ต้องรีบทำงานให้ทัน แต่พักเป็นพัก ใกล้เที่ยง เลิก! กินข้าวและชอปปิ้งกันก่อน บ่ายตรงเพ๊ะ นั่งโต๊ะลงมือทำงาน ถึงเวลาเลิกงาน กลับบ้านตรงเวลา ดีอ่ะ อย่างเรากลับบ้านช้ามาพักนึง ตอนนี้ปรับตัว ไม่เอาละ 5555

ไม่มีนัดคุยตอนเที่ยง ข้าวไม่ต้องได้กิน รึนัดประชุมหลังเลิกงาน ลูกผัวไม่ต้องดูแล
เสาร์-อาทิตย์ เอางานมาทำ งานมันเยอะมว๊ากๆ

จะว่าไป ตอนนี้ทำงานเองเกือบทุกอย่าง เพราะไม่มีโคว้ต้าเรื่องกำลังคน มีตัวคนเดียว ก็คล่องตัวดีไปอีกแบบ อาศัยมีผู้ช่วยที่เจ้านายให้ยืมมา ถามนู่นนี่บ้างนิดๆ หน่อยๆ แต่คนเค้ามีน้ำใจกัน ขอความช่วยเหลือจากใครก็ไม่ค่อยติดขัด

ความรู้ที่นี่มีอยู่รอบตัว แต่ต้องขวนขวายเอาเอง ทุกอย่างอยู่ในโลตัสโน๊ต อยากรู้เรื่องรัยหาอ่านเอา ข่าวก็มีวันละหลายฉบับ อัพเดตกันไป รายงานทางการเงิน ตัวเลขบริษัท ไม่ต้องขอข้อมูลจากไอทีเป็นครั้งๆ เพราะมีมุม MIS ให้ดึงข้อมูลมาทำ pivot เอาเอง อยากดูรายเดือน รายปี รายฝ่าย รายตัวแทน รายผลิตภัณฑ์ ทำ pivot เอาเอง เล่นเอง จากที่ให้น้องอุ๊สอนเท่าไหร่ก็ไม่เป็น ตอนนี้ใช้ได้ละ พอหากินเองได้ อีกเดี๋ยวคงเก่ง เพราะทำเองได้ สบายดีจัง

สวัสดิการก็ไม่ได้มีเยอะอะไร ให้ปีละ 4 หมื่น ทั้ง IPD & OPD ฟังๆ ตอนแรก น้อยจัง เทียบกันในฝันที่มีคนวาดให้ ต่างกันลิบลับ แต่ฝันไม่เป็นจริงซะที 5555 แต่ที่ดี คือ 4 หมื่นนั้น เอาไว้ใช้เวลาไปหาหมอข้างนอก แต่ที่ตึกมีห้องพยาบาล รักษาทุกบริษัทในเครือ มีหมอแวะเวียนมาแต่ละวันแล้วแต่โรค แต่เจ็บป่วยนิดหน่อยไปรับยาได้ไม่อั้น ยาดีด้วยนะ เหมือนยาที่เราได้จากบำรุงราษฎร์เลย ตอนนี้เลยประหยัดค่ายา และพนักงานเค้าก็ไม่ค่อยป่วย เพราะมีปัจจัยพื้นฐานให้ คิวก็ไม่เยอะ ขนาดรักษาทั้งตึก จริงๆ ถ้าเราจัดปัจจัยพื้นฐานให้ ก็ไม่เจ๊งหรอก ไม่เห็นเค้าจะใช้กันเลย ชา กาแฟ ก็ดื่มกันน้อยมาก ไม่เห็นจะเปลือง

นี่ละน้า เค้าว่า คนเรามีแค่ปัจจัย 4 ก็เพียงพอแล้ว ว่าแล้วก็พูดเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ที่แต่งกันยังไงก็ได้ ละลานตาสุดๆ โคตรไม่เป็นระเบียบ 5555 บ้างก็สวย บ้างก็ดูแปลกๆ ขำๆอ่ะ แต่ไม่ค่อยมีคนมาติดต่อบริษัทอยู่แล้วนะ ไม่ค่อยได้เจอคนนอก

สำหรับคนที่มีประชุม พบลูกค้า เค้าก็รู้เองว่าต้องแต่งตัวเรียบร้อย ^^  ก็เลยเป็นอันต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ (ข้ออ้าง) 5555 แต่งให้พอดีๆ คริคริ แต่สูทที่ตัดไว้ อดใช้เลยนะ ดีนะที่อ้วนซะก่อน (เหวอ!) ถึงตอนนี้มาอยู่ 3 อาทิตย์ นน. ขึ้นมา 2 กิโลล่ะ กินชานมไข่มุก น้ำหวานมากมาย หาซื้อได้ทั่วไป บันเทิงกะการกินจิงๆ

ต่อไปก็จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นอีกอย่างเข้มข้น เพราะ actuary ตัวจริงลาออก อันเนื่องมาจากส่วนนึงสื่อสารกะคนทั่วไปยังไม่โดน คือ ทำงานเสร็จแต่อธิบายยังไม่ตอบโจทย์ ตอนแรกเราได้รับมอบหมายให้เป็นสะพานเชื่อม
ระหว่างผู้บริหารกะ actuary แต่ดั้นมาลาออกซะนี่ กลายเป็นสะพานคอนกรีตเลยจากเดิมกะจะเป็นแค่
สะพานแขวน ยกขึ้น ยกลง เป็นบางเวลา

ก็ดี เป็นความฝันสมัยเรียน อยากเป็น actuary อยู่แล้ว ตอนนี้เลยได้เรียนรู้ของจริงจาก regional ไปเลย แต่เราไม่ต้องทำ แค่ส่งข้อมูลและอ่านให้เป็น พรีเซ้นท์ให้ได้ ว้าว อร่อยเหาะ! อิอิ

เอาที่ทำแล้วสุขใจ ไม่เครียด ไม่ป่วย มีเวลาให้ลูกให้สามี

ไม่ต้องทำดีให้ได้โล่ แต่สิทธิตามกฎหมายบางเรื่องไม่ได้ เพราะคุณพี่ขอร้องงง

พอแล้ว อาจไม่ได้เติบโตอย่างใครเขา แต่เติบโตเต็มอิ่มในใจเรา เขาเรียกพอเพียงค่า ^^

Posted in สัพเพเหระ

พักบ้างรัยบ้าง

ไม่ได้เขียนบล๊อกมาหลายวัน เพราะคิดอยู่นานว่าจะเขียนดีมั่ย พอดีวันนี้ที่บริษัทจัดงานโยนโบว์ลิ่ง พอออกมาแล้ว มานั่งพักจิบ hot chocolate คนเดียวเบาๆ ^^ สงบใจดี

เราได้ผ่าน 2 อาทิตย์ที่คาดว่าหนักที่สุดมาแล้ว หนักเพราะต้องศึกษากระบวนการทั้งหมดของบริษัทจากเกือบทุกฝ่าย และต้องพรีเซนท์ให้ผู้บริหารฟัง ถึงภาพรวมโครงการ ใช้เวลาเลิกงานทุกวันเตรียมนำเสนองาน จาก 12 initiatives กลายเป็น 16 action plans และแตกเป็น 250 activities ต้องทำความเข้าใจทั้งคน ทั้งงาน ทั้งกระบวนการ ให้สามารถลีดห้องประชุมและพิสูจน์ให้ทุกคนเชื่อมั่นและซื้อความฝันว่าเราจะทำมันได้สำเร็จ

มีความขัดแย้งที่มีมาเก่าแก่เกือบทุกแห่ง ต้องพยายาม balance แบบเรียกว่า รักทุกคน แต่ก็พร้อมจะยืนยันหลักการ หากต้องชี้ขาดให้ในบาง activities

สนุกและเหนื่อยกับการพูดคุย ยิ้มระรื่นในทุกนาที ที่ทำ internal marketing และรายงาน regional เป็นระยะๆ

รำคาญและเซร็งกับก้อนหินในรองเท้าก้อนนึง ที่นอกจากไม่ให้ความร่วมมือ ยังวางกับดักไว้หลุมเบ้อเริ่ม

หากเป็นเมื่อก่อน เราคงยอมก้มหน้าทำงานให้เสร็จ เพื่อไม่ให้งานเสีย แม้กว่าจะรู้ว่าโดนวางยา ปาเข้าไปทุ่มนึงแล้ว เกือบโต้รุ่งทำงานเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ฉุกละหุก

แต่เสียงในใจบอก..มันไม่ใช่ position ที่เราต้องยอม ลูกน้อยนอนดึก เป็นไข้มาหลายวัน เพราะแม่มันมัวแต่เตรียมงานพรีเซ้นท์ และเป็นโปรเจกท์ที่ไม่มีปัญหา คนร่วมมือเป็นสิบๆ

จะมาเครียด มาเหนื่อยอะรัย กับโปรเจกท์ที่มีคนๆ เดียว ทำทุกทางให้เราพัง

ก็ปล่อยมัน ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีงานส่ง ก็คงพูดความจริง ว่าเค้ารับปากว่าจะทำให้ แม้จะผิดนัดมา 2 ครั้ง และคิดในใจว่า จะเบี้ยวส่ง regional กับนายก็มาวัดกัน

จริงดังคิด ไม่มีงานส่ง ทำมึน หายไปเฉยๆ …

แต่ขอโทษนะ ชั้นไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต้องยอมใครเหมือนทาสอีกต่อไป และมันเป็นวัน independent day ด้วย

บอกไปตามความจริง ไม่มีงานส่ง เพราะมีคนบอกจะทำให้…

(ตั้งใจว่าส่งงานพรีเซ้นท์ชุดใหญ่เสร็จ เอาให้สุดฝีมือ และก็จะไม่ไปทำงานอีก …)

สามีบอก คิดให้ดีๆ เรากำลังเดินตามหลุมที่มันขุด คนเป็น 10-20 คน ให้ความร่วมมือ กะแค่คนๆ เดียว ที่โอกาสจะเดินร่วมทางน้อยมากๆ นั้น ทำให้เรายอมเลยเหรอ

ก็จริง! เดินหน้าต่อ

ถามบริษัทจะดีลใหม่มั้ย โปรเจกนี้คงไม่ทำ จะให้ทำอะไรก็บอกมา

นายยืนยัน ทำทุกอย่างตามเดิม จะจัดให้เข้าที่เข้าทางเอง

ก็เดินต่อไป ไม่สนใจ ต่างคนต่างอยู่ไป..แบบไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่เอาฝีมือมาฟัดกัน…รึว่าไป ถ้าดวลฝีมือกัน โรงเรียนที่ชั้นฝึกมารับรองไม่เป็นรองใคร!

ใจนึงก็คิด เรานี่ก็แปลก อยู่ดีๆ สบายๆ ไม่ชอบ ออกมาหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเอง

อีกใจมีสุข สบายใจ เหนื่อยจิง แต่ไม่เครียด รึท้อ ทรมานใจ

กลับกัน สุข สนุกสนาน มีเพื่อน มีน้อง มีพี่ ที่ไม่ต้องมีระบบเลเวลมาเกี่ยว คุยจุ้งจิ้งๆ ทุกวัน จนต้องการเวลาพักอยู่คนเดียว ทำการตลาดแบบ 7 ชั่วโมงต่อวัน ก็สนุกดี

แลกกัน วันนี้ …ก็ยังคุ้มอยู่ ^^