จาก KL

ออกเดินทางมา Kuala Lumpur กับ ดร.แอน เพื่อจะประชุมความคืบหน้าเกี่ยวกับ Marketing Activities และ Operation  Problems กับ Partner ที่นี่ตั้งกะเมื่อวานนี้ เดี๋ยวนี้ค่อยยังชั่วหน่อย เวลามาประชุมก็จะขอนอนค้าง 1 คืน และตื่นสายๆ เพื่อจะได้พักผ่อนเต็มที่ เพราะมาทีไร Partner ที่นี่ก็จะจับไปกินไปดื่มแบบมาราธอนมากกกกก กว่าจะได้กลับมานอนก็ตี 1 ตี 2 เข้าไปแล้ว ใครว่าเดินทางมาประชุมต่างประเทศไม่เหนื่อย

สมัยก่อนตอนที่ยังต้องเดินทางมาประชุมกับเจ้านายด้วย ยิ่งหนักเลย มาแบบไปเช้ามืดดึกๆ กลับ สุดเยิน ต้องเจอกันที่สนามบินตั้งกะตี 5 พอมาถึงก็ประชุม แล้วบ่ายๆ เย็นๆ ก็กินดื่ม หลังจากนั้น ก็ต้องรีบวิ่งมาสนามบินรอเครื่องบินเที่ยวสุดท้าย เพื่อมาถึงกรุงเทพฯ 4-5 ทุ่ม เช้ามาก็มีประชุมต่อที่บริษัท เหนื่อยมาก! กลับไปป่วยทุกครั้ง ยิ่งถ้างานที่ประชุมต้องมีการ present จากประเทศไทยด้วย ยิ่งต้องเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าอีก 2-3 วัน ความเครียดก็จะบังเกิด เคยเป็นร้อนในทีเดียว 100 กว่าเม็ด แถมยังมาออกตามมือตามขาด้วยอ่ะ ><

แต่หลังๆมานี้ ก็จะมากันเอง 2 คน เป็น Honeymoon Trip ก็จะขอมีเวลาพักบ้างไรบ้าง แต่ก็ยังเยินอยู่ดี สิวมันมาจากไหนเพียบเลยก็ไม่รู้ ฮ่าๆ

เมื่อวานหลังจาก Flight Delay ไป 1 ชั่วโมง (ซึ่งก็ยังเคลมไม่ได้ เพราะเราคุ้มครอง Flight Delay 2 ชั่วโมง) เล่นเอาตารางประชุมต้องเลื่อนตามกันไปหมด พอประชุมเสร็จ ก็มีราชรถมาเกยที่โรงแรม เพื่อพาเราไปทานข้าวที่บ้านของ Partner ที่เป็นผู้บริหารระดับสูง อิอิ บรรยากาศในบ้านเฮฮาปาร์ตี้มาก ตอนแรกก็นึกว่าจะมีแต่เพื่อนๆ เค้าที่อายุ 50 Up แต่ปล่าวเลย เพื่อนๆ เค้าอายุ 24-27 ปี เด็กกว่าเราอีกเยอะ เค้าก็นั่งเล่นไพ่นกกระจอก กินเหล้า หัวเราะเอ๊กอ๊าก กัดกันไปมา พูดจาตลกโปกฮามาก ต่างกับบรรยากาศเวลาเค้ามาประเทศเรา ซึ่งเราก็จะดูแลดีสุดๆเช่นกัน มีราชรถไปรับไปส่งตลอดทริป พาไปทานข้าวตามร้านอาหารบรรยากาศดีๆ แพงๆ และก็จะเรียบร้อยกันสุดฤทธิ๋ บทสนทนาก็จะตามประสาอาคันตุกะทั่วไป แต่เวลาเรามากัน 2 คนแบบนี้ทีไร มันจะกลายเป็นอะไรบ้าๆ บอๆ ทุกที

สิ่งที่ได้จากการไปทานอาหารที่ทำเองกะมือที่บ้านเค้า คือ ประทับใจบ้านมากกกกก อยู่ในย่านที่แพงที่สุดของเมือง ซึ่งบ้านก็หลังใหญ่โต มี 3 ชั้น ห้องนอนมากมาย ห้องอ่านหนังสือ ห้องออกกำลังกาย ห้องดูทีวี ห้องฟังเพลง ห้องนั่งเล่น   โอว้ แม่เจ้า อยากได้ อยากได้ เอ่อ แต่อยากได้แค่สักครึ่งนึงหรือ 1 ใน 3 ก็พอนะ มันใหญ่เกิน ชีวิตหะหรูหะหรามากมาย มีคนขับรถเบนซ์คันที่มาเกยเราวันนี้ และก็อิจฉา แต่กว่าจะประสบความสำเร็จขนาดนี้ เธอต้องทำงานหนักมาก เลยทำให้เราฮึดได้แรงบันดาลใจในการทำงานขึ้นมาอีกแล้ว

นอกจากนั้น ก็ยังมีแขกของงานที่เป็นคนพิการ มีขาข้างเดียว เป็นเด็กสาวอายุ 25 ปี แต่แต่งตัวเซ็กซี่มากๆ และร่าเริงสุดๆ ด้วยขาเพียงข้างเดียว เธอยังใส่ชุดกระโปรงสั้นนนน รัดรูป เดินโดยใช้ไม้ค้ำ 2 ข้าง และกระโดดกระย่องกระแย่งไปทั่ว แถมเต้นได้อีกต่างหาก ต้องมีกำลังใจที่ดีมากๆ ถึงสามารถใช้ชีวิตได้แบบนี้ นับถือๆ จริงๆ

จากนั้นก็ได้เวลากลับมาสลบกัน 2 คน และก็ตื่นสายๆ เพื่อจะมีนัดทานข้าวเที่ยงกับ Partner ก่อนที่จะได้เดินเล่นเบาๆ (Shopping ) แถวๆ โรงแรมเพื่อรอเวลาขึ้นเครื่องกลับบ้าน ไปหาคุณลูกและสามี ด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยมค่ะทริปนี้ 😉